หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 หลักสำคัญ หงส์แดงเยี่ยมเบิร์นลี่ย์

f:id:jim1122:20190831184443j:plain

หงส์ลุ้นสร้างสถิติ ! ผ่า 4 หลักสำคัญ หงส์แดงเยี่ยมเบิร์นลี่ย์

ภายหลังจากทำผลงานชั้นเยี่ยมไล่ตี อาร์เซน่อล 3-1 นำมาซึ่งการทำให้ หงส์แดง ยึดตำแหน่งผู้นำฝูงกับเก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 แมตช์แรกของฤดู 2019/20 โดยเป็นกลุ่มเดียวที่จะเก็บความมีชัยเรียบวุธ พร้อมทั้งมีคะแนนเหนือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า เพียง 2 แต้มแค่นั้น 
ผลงานของ "ลิเวอร์พูล" สำหรับในการเยี่ยม เบิร์นลี่ย์ จำต้องกล่าวว่าค่อนจะดียอด ถึงแม้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลจะออกมาบอกในเชิงถ่อมตนว่าสนามเทิร์ฟ มัวร์ ยากแก่การออกไปเยี่ยม แม้กระนั้นสถิติของพวกเขาสำหรับเพื่อการปะทะกับเจ้าของบ้านสวยงามอย่างยิ่งจริงๆ เมื่อชนะ 4 จาก 5 เกมในลีก สูตรการทำเงินจากเกมไฮโลออนไลน์

แต่ "เดอะ เร้ดส์" ก็ห้ามประมาทเด็ดขาด เนื่องจาก 1 เกมที่แพ้ เบิร์นลี่ย์ ก็มาจากการไปเยี่ยมพวกเขา แต่ว่าจะต้องย้อนไปถึงปี 2016 ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้าพวกเขาเล่นแบบประมาทก็ได้โอกาสที่จะจำเป็นต้องเดินทางกลับเมืองหงส์แดง ด้วยการได้เพียงแค่ 1 แต้ม หรือบางทีอาจจะมิได้แต้มเลยก็ได้ 

1. ผวา อาเดรียน ? 

ภายหลังที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาการันตีแน่ชัดว่า อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทหวารบราซิเลียน จำต้องใช้เวลาอีกซักพักสำหรับเพื่อการฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บน่อง ที่ได้รับในเกมแรกของฤดูกาล ชนะ นอริช ซิตี้ ทำให้สมาพันธ์ต้องใช้งาน อาเดรียน มาตลอดจนถึงเกมกับ เบิร์นลี่ย์ ในวันเสาร์นี้

แน่ๆว่า โกลชาวสแปนิช ผ่านร้อนผ่านหนาวในลีกสูงสุดมาพอควร แม้กระนั้นผลงานที่อยู่เฝ้าเสาให้ "ลิเวอร์พูล"ตลอดตอน 3 นัดหมายก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ดูราวกับว่าเจ้าตัวยังไม่ค่อยได้รับความไว้วางจากเพื่อนพ้องร่วมที่มากนักเนื่องจากฟอร์มที่ชอบคลอดลูกเหวอจนกระทั่งทำเอาสาวก "เดอะ ค็อป" ใจหายใจคว่ำกันมาแล้ว เล่นสนุกเกอร์ออนไลน์

ตั้งแต่ในแมตช์กับเชือด เซาธ์แฮมป์ตัน ในจังหวะที่ เฟอร์จิล ฟานไดค์ จ่ายบอลคืนให้เจ้าตัว และก็เพียงแค่เตะออกข้างๆก็สิ้นเรื่อง แม้กระนั้นดันจัญไรเตะกึ่งกลางแถมอัดไปโดน แดนนี่ อิงส์ ทำให้ "นักบุญ" ได้ประตูตีไข่แตก โชคดีที่จังหวะดังที่กล่าวมาแล้วเกิดขึ้นด้านหลังเกม ไม่อย่างนั้น "ลิเวอร์พูล" คงจะบีบคั้นสุดๆ

หรืออย่างในแมตช์ปัจจุบันที่ดันติดต่อประสานงานกับ ฟาน ไดค์ ไม่ลงตัว เมื่อวิ่งออกมาเตะบอลทิ้งแต่ว่าดันแป๊กไปเข้าทาง ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง แม้กระนั้นดีที่ศีรษะหอกกาบองดันยิงไม่ดีทำให้ "เดอะ เร้ดส์" รอดจากการเสียประตูไปได้อย่างเฉียดฉิว เพราะฉะนั้นในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ สาวก "เดอะ ค็อป" อาจจะภาวนาให้ แนวรับชาวฮอลันดากับโกลเลือดวัวกระทิงดุ ติดต่อประสานงานกันได้พอดีกว่า 2 แมตช์หลังสุด

อย่างไรก็แล้วแต่ อาเดรียน ก็ยังมีฟอร์มเด็ดที่ช่วยเซฟประตูให้กลุ่มได้บ่อยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเมื่อหักกลบลบหนี้สินกันแล้ว คล็อปป์ ยังสามารถฝากผีฝากไข้ นายด่านรายนี้ได้อีกตราบจนกระทั่ง อลีสซง จะฟิตบริบูรณ์ แม้กระนั้นกว่ากำลังจะถึงวันนั้นแฟน "ลิเวอร์พูล" คงจะหวังให้ อาเดรียน โชว์รักษาคลีนชีตให้ได้ซักเกม ด้วยเหตุว่าตั้งแต่ที่เฝ้าเสากลุ่มเสียประตูทุกนัดหมาย

2. คล็อปป์ได้คู่แท้ ฟาน ไดค์ 

ตั้งแต่เปิดฤดูนี้ ดูอย่างกับว่า คล็อปป์ ยังไม่สามารถที่จะจับคู่เซนเตอร์แบ็กให้กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้เลย โดยชอบสลับส่งนักฟุตบอล 2 คนเช่น โฌแอล มาติเตียนป กับ โจ โกเมซ ยืนเป็นคู่ซี้กองหลังตัวกลางกับ กำแพงหักกลุ่มชาติฮอลแลนด์ เพื่อจะได้หาดูว่าคนไหนกันควรได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ

ดูอย่างกับว่า นายใหญ่ ชาวด๊อยท์ช จะรู้แล้ว่า มาติป เหมาะสมกับการยืนคุมเกมรับร่วมกับ ฟาน ไดค์ ซึ่งเพิ่งได้รับ 2รางวัลใหญ่เช่นกองหลังเยี่ยมที่ปี แล้วก็นักฟุตบอลดีที่สุดที่ปีของสมาพันธ์ยุโรป (ยูฟ่า) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 เดือนสิงหาคมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา 

ถ้าเช็คจากผลงานปัจจุบันในเกมไล่กระหน่ำ อาร์เซน่อล นั้น มาติป ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับเพื่อการแบ่งเบาภาระ อดีตกาลแนวรับ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน แถมยังขึ้นไปเพิ่มเกมรุกในจังหวะที่กลุ่มได้เล่นลูกตั้งเตะทำให้ "ลิเวอร์พูล" มีทางเลือกที่มากมายสำหรับเพื่อการทำคะแนน แล้วก็ยังส่งผลให้แนวรับคู่ต่อสู้จำเป็นต้องงงงวยเพราะเหตุว่าจำเป็นต้องพะวักพะวงสำหรับการเกาะติดแนวรุกของ "เดอะ เร้ดส์" รวมถึง 2 กองหลังที่พร้อมกระแทกทำคะแนน

ในขณะที่ โกเมซ นั้น คล็อปป์ ยังเห็นว่าเป็นประโยชน์เนื่องจากนักฟุตบอลสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรับ รวมทั้งหลายครั้งในขณะที่เขาชอบถูกเลือกให้ลงไปยืนเป็นแบ็กขวาแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และก็บางครั้งอาจจะโยกไปเล่นแบ็กซ้ายแทน แอนดวูร์ โรเบิร์ตสัน หรือแม้จำเป็นต้องก็ยังสามารถยืนคู่กับ ฟาน ไดค์ ได้ด้วย

3. สามผสาน "หินเหล็กไฟ"

แน่ๆว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ แล้วก็ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยังคงได้รับความเชื่อใจจาก คล็อปป์ ให้ยืนเป็นสามผสานเกมรุก "ลิเวอร์พูล" ในแมตช์เยี่ยม เบิร์นลี่ย์ เพราะเหตุว่าพวกเขากำลังอยู่ในฟอร์มยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนั้นไร้เหตุผลอะไรที่จะแยกอีกทั้ง 3 คนออกมาจากกัน

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาผู้คนจำนวนมากบางทีก็อาจจะมีความคิดว่า หงส์แดง ได้โอกาสที่จะใช้ระบบโรเตชั่นเพื่อไม่ให้นักฟุตบอลมีลักษณะอาการล้าจากโปรแกรมที่ถี่มาก แต่ว่าประเด็นนี้ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ประกาศแจ่มกระจ่างว่าไม่มีความสำคัญที่จะสลับเปลี่ยนแปลงตำแหน่งมากจนเกินความจำเป็น เหตุเพราะพึ่งอยู่ในตอนต้นฤดูกาล 

ที่สำคัญแนวรุก "เอสเอ็มเอฟ" กำลังอยู่ในตอนฟอร์มเร่าร้อน โดยยิ่งไปกว่านั้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ในขณะนี้กลับมาเป็นเครื่องจักรฆ่าประตูอีกที ทำให้งานนี้แนวรับของ เบิร์นลี่ย์ บางทีก็อาจจะจำเป็นต้องพบกับงานหนักเพราะเหตุว่าจะต้องพะวักพะวงเกมรุกระดับเฮฟวี่เมทัลของกลุ่มเยี่ยม ที่ชอบมีต้นแบบที่นานาประการ แถมยังจำต้องรอจับตา"บังโม" ให้ดีๆมิเช่นนั้นได้เจ็บราวกับที่ อาร์เซน่อล เจ็บมาแล้ว 

4. เทิร์ฟ มัวร์ ยากจริงหรอ ?

คล็อปป์ พึ่งจะออกมาเห็นด้วยว่า "เทิร์ฟ มัวร์ เป็นสนามที่ลำบากสำหรับในการไปเยี่ยม พวกเราเคยไปตรงนั้นมันทั้งยังร้อน, ลมแรง รวมทั้งฝนตก แน่ๆว่ามันยากลำเค็ญเสมอที่จำเป็นต้องไปเยี่ยม" แล้วสนามที่นี้ยากจริงๆอย่างที่ นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช บอกจริงๆหรือไม่ ?

แม้เช็คจากสถิติ ผู้ครอบครองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลปัจจุบัน สามารถบุกไปไล่อัด เบิร์นลี่ย์ คาบ้าน 4 จาก5 เกมที่เจอกัน โดยแพ้เพียงแค่ 1 เกมเพียงแค่นั้น ซึ่งแมตช์ปัจจุบันที่ "ลิเวอร์พูล" คว้า 3 คะแนนกลับไปอยู่บ้านเกิดขึ้นเมื่อฤดู 2018/19 ด้วยสกอร์สวยงามดูดีราคาแพงก็คือ 3-1

ไม่ใช่แค่นั้นเมื่อเช็คผลงานสำหรับในการเจอกันในเกมพรีเมียร์ลีกแล้ว "เดอะ เร้ดส์" ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสำหรับในการพบกับคู่ต่อสู้รายนี้ด้วยการเอาชนะไปได้ 8 จาก 10 เกมในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี (ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1) โดยเกมที่ เบิร์นลี่ย์ ชนะเกิดขึ้นในส.ค. 2016 ที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ สกอร์ 2-0

สถิติ เบิร์นลี่ย์ VS หงส์แดง 

- เบิร์นลี่ย์ แพ้ หงส์แดง 8 จาก 10 เกมพรีเมียร์ลีก (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 8) ชัยนัดหมายเดียวของพวกเขาเกิดขึ้นที่เทิร์ฟ มัวร์ เมื่อสิงหาคม 2016

- หงส์แดง ชนะ เบิร์นลี่ย์ 4 จาก 5 เกมในลีกที่เยี่ยมเทิร์ฟ มัวร์ (ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1) ปัจจุบันบุกตีสกอร์ 3-1 เมื่อฤดูก่อนหน้าที่ผ่านมา 

- หงส์แดง ชนะเกมลีก 12 แมตช์ต่อเนื่องกันเป็นครั้งแรกนับจากต.ค. 1990 ภายใต้การควบคุมกองทัพของ เซอร์เคนนี่ดัลกลิช โดย "ลิเวอร์พูล" ไม่เคยชนะ 13 แมตช์ต่อต่อกันในหน้าประวัติศาสตร์เกมลีกของพวกเขา 

- หงส์แดง ได้โอกาสจะเปลี่ยนเป็นกลุ่มลำดับที่ 6 ในหน้าประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดอังกฤษ ซึ่งสามารถคว้าชัยใน 4 เกมแรกของนัดหมายเปิดฤดูเสร็จต่อจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (1994/95 และก็ 1995/96), อาร์เซน่อล (2003/04 และก็2004/05), เชลซี (2004/05 กับ 2005/06, 2009/2010 และก็ 2010/11) และก็ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2015/16 และก็2016/17)

- เซร์คิโอ อเกวโร่ (16 ประตู) แล้วก็ ซาดิโอ มาเน่ (15 ประตู) เป็นเพียงแค่สองนักฟุตบอลที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีก ปี2019 ได้มากกว่า แอชลี่ย์ บาร์นส์ (13 ประตู) 

- แอชลี่ย์ บาร์นส์ ทำประตูใน 4 แมตช์หลังสุดในพรีเมียร์ลีก (5 ประตู) ในขณะที่ไม่มีนักฟุตบอล เบิร์นลี่ย์ ทำประตูได้เลย 5 เกมต่อเนื่องกันในรายการนี้ 

- โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตะบันตาข่ายใส่ เบิร์นลี่ย์ ทั้งยังในเกมเหย้า-เยี่ยม เมื่อฤดูกาลก่อนหน้าที่ผ่านมา รวมเบ็ดเสร็จทั้งผอง 3 เม็ด ขณะนี้ "บ็อบบี้" ขาดอีกเพียงแค่ 1 ประตูก็จะแปลงเป็นหน้าแข้งบราซิเลียนคนแรกที่ซัดได้ 50 ประตูในพรีเมียร์ลีก 

- เดอะ เร้ดส์ ไม่มีพ่ายแพ้ใน พรีเมียร์ลีก ต่อเนื่องกัน 20 นัดหมาย จนกระทั่งขณะนี้ (ชนะ 16 เสมอ 4 แพ้ 0) รวมทั้งแพ้แค่เพียง 1 เกมจากทั้งผอง 42 นัดหมายในลีก (ชนะ 34 เสมอ 7 แพ้ 1) โดยเกมที่แพ้เกิดขึ้นในเมื่อม.ค.ก่อนหน้าที่ผ่านมา ซึ่งแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2

เดา 11 ตัวจริง หงส์แดง ระบบ 4-3-3

ผู้เฝ้าประตู : อาเดรียน

กองหลัง : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

มิดฟิลด์ : ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

กองหน้า : ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์